แรกเริ่มเดิมที่สมิงพระรามเชื้อชาติมอญ พระสหายของพระนเรศวรมหาราช ได้อพยพติดตามพระนเรศวรมหาราช เข้ามารับราชการอยู่ในกรุงศรีอยุธยาในตอนปลายรัชกาลของพระมหาธรรมราชา ประมาณพ.ศ. ๒๑๒๐ สมิงพระรามนี้ต่อมาคือ พระยาเกียรติพระราม พระยาเกียรติพระรามผู้นี้ พระราชพงศาวดารมักจะเขียนว่า "พระยาเกียรติพระยาราม" ทำให้เข้าใจผิดกันมาตลอดว่าเป็นคนสองคน พระยาเกียรติคนหนึ่ง พระยารามคนหนึ่ง แท้ที่จริงเป็นคนคนเดียวกัน บรรดาศักดิ์ว่า "พระยาเกียรติพระราม" นั้น เป็นยศศักดิ์โบราณ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องก็ต้องเรียกว่า "พระยาเกียรติพระราม" แปลว่า ่"พระยาผู้มีเกียรติดั่งพระราม" หรือ "พระรามผู้มีเกียรติ" เหมือนที่เราเรียกวรรรคดีเรื่องพระรามปราบยักษ์ว่า "รามเกียรติ์" ซึ่งแปลว่า "เกียรติแห่งพระราม" เป็นราชทินนามบรรดาศักดิ์พิเศษที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระราชทานให้แก่นายทหารมอญผู้จงรักภักดีอย่างมอบกายถวายชีวิตผู้นี้ และนามบรรดาศักดิ์นี้เป็นนามบรรดาศักดิ์ของไทยไม่ใช่นามบรรดาศักดิ์ของทหารมอญ
เมื่อท่านมารับราชการเป็นพระยาพานทองของไทยแล้วท่านได้รับพระราชทานนามบรรดาศักดิ์ว่า ่"พระยาเกียรติพระราม" แล้วก็ไม่มีผู้ใดได้รับพระราชทานนามนี้อีกเลย ตัวอย่างในรัชกาลที่ ๕ นี้ก็มีอยู่ คือ พระปิยมหาราชทรงมีข้าหลวงเดิมอยู่คนหนึ่งชื่อนายเปล่ง เป็นที่โปรดปราน วันหนึ่งจึงทรงถามว่า "ตาเปล่ง แกอยากเป็นอะไร" นายเปล่งตอบทันทีว่า "อยากเป็นพระยา พระพุทธเจ้าข้า" พระปิยมหาราชก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น "ขุนหลวงพระยาไกรสีห์" คือ ท่านผู้นี้ยังไม่ทันเป็นขุนเลยจะขอเป็นพระยา แต่เมื่อตรัสถามว่าอยากได้เป็นอะไร เขาอยากเป็นพระยาก็ทรงตั้งให้เขาเป็นทันตาเห็น ก็เลยไม่รู้ว่าท่านผู้นี้เป็นขุนหรือพระยากันแน่ แต่คำพระราชทานยศอย่างนี้ถือกันว่าเป็นยศพิเศษ ถ้าจะว่าไปแล้วก็เทียบเท่า "ขุนหลวงพะงั่ว" "ขุนหลวงดอกมะเดื่อ" "ขุนหลวงพระยาตาก" ทีเดียว ก็เหมือนนามบรรดาศักดิ์ "พระยาเกียรติพระราม" นั่นแหละ เป็นบรรดาศักดิ์พิเศษที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระราชทานให้แก่นายทหารมอญคนนี้ ผู้ซึ่งมีความจงรักภักดียอมมอบกายถวายชีวิตติดตามพระองค์เข้ามารับราชการอยู่ด้วย พระยาเกียรติพระรามนี้รู้จักคุ้นเคยและจงรักภักดีต่อพระนเรศวรมหาราชมาตั้งแต่พระองค์อยู่ในประเทศพม่า เมื่อได้โอกาสจึงติดตามเข้ามารับราชการเป็นนายทหารกล้าตายของพระนเรศวรมหาราช เข้าใจว่าจะมีจิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญชาญชัยพอๆกับหรือแบบเดียวกันกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คนที่มีอุปนิสัยจิตใจคล้ายคลึงกันจึงจะรักใคร่นับถือกันมาก
เมื่อได้ติดตามเข้ามารับราชการเมืองไทยแล้ว ก็ได้รับพระราชทานภรรยาคนหนึ่งคือ หม่อมเจ้าหญิงอำไพ พระธิดาพระมหาธรรมราชา คือเป็นพระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั่นเอง การที่พระราชทานเจ้าหญิงให้เป็นภรรยาเช่นนี้ก็แสดงว่าโปรดเกล้าฯรับเข้ามาเป็นเขยในราชวงศ์ หรือรับเอาเข้ามาเป็นวงศ์ญาตินั่นเอง เรียกว่า พระยาเกียรติพระรามผู้นี้ได้เข้ามาเป็นพระญาติวงศ์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้วในตอนนี้
พระยาเกียรติพระรามกับหม่อมเจ้าหญิงอำไพ มีบุตรเป็นชายสองคน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวลาต่อมา คนพี่ชื่อเหล็ก ได้เป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ขุนเหล็ก) คนน้องชื่อทองปาน ได้เป็น เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ทองปาน) แทนพี่ชายในเวลาต่อมา เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) เป็นทหารชั้นแม่ทัพ ไปรบเมืองทวายแล้วไปตายในราชการสงคราม น้องชายที่ชื่อทองปาน ก็ได้รับช่วงตำแหน่งต่อมาเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี(ทองปาน) ตำแหน่งนี้ในยามปกติก็ว่ากรมเจ้าท่า บางทีก็ว่ากรมพระคลังมหาสมบัติในยามศึกสงครามก็เป็นแม่ทัพด้วย แสดงว่าเป็นบุคคลสำคัญมากที่สุดที่คุมขุมกำลังท้้งการคลังและการทหาร แสดงถึงว่าเป็นเชื้อสายในราชวงศ์และมีความสามารถด้วย จึงได้คุมตำแหน่งสำคัญนี้
เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ทองปาน) นั้นท่านเคยเป็นเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส ท่านเป็นราชทูตที่มีชื่อเสียงเกียรติยศมาก ทางฝรั่งเศสก็ยกย่องถึงแก่ได้ให้จิตรกรเขียนรูปท่านไว้ จึงเป็นหลักฐานอันสำคัญมากว่าท่านมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร รูปภาพเขียนของท่านนี้ ต่อมานายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ ไปได้มาจากหอสมุดในประเทศฝรั่งเศส ได้นำเอามาพิมพ์เผยแแพร่ เป็นการน่าประหลาดมากที่รูปเขียนของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ทองปาน) นี้ละม้ายแม้นกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระพุทธยอดฟ้าฯ มาก เดี๋ยวท่านก็จะทราบเองว่าทำไมจึงคล้ายกัน
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น