วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระพุทธยอดฟ้ามหาราช (ตอนที่ ๘)




         พระพุทธยอดฟ้ามหาราชนั้นทรงเป็นพระมหาวีรบุรุษอย่างไม่มีที่กังขา   เมื่อทรงรับราชการอยู่กับพระเจ้าตากสินมหาราช  ได้เป็นแม่ทัพออกรบถึง ๑๑ ครั้ง  รบชนะมีความดีความชอบก็ได้ทรงเลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์อย่างรวดเร็วมาตลอด
        เป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา เมื่อพระชนมายุ ๓๒ ปี(พ.ศ.๒๓๑๑)
        เป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ จางวางพระตำรวจซ้าย  เมื่อพระชนมายุ ๓๓ ปี (พ.ศ. ๒๓๑๒)
        เป็นเจ้าพระยายมราช   เสนาบดีกรมนครบาล เมื่อพระชนมายุ ๓๔ ปี(พ.ศ.๒๓๑๓)
        เป็นเจ้าพระยาจักรีอรรถมหาเสนาบดี ที่สมุหนายก เมื่อพระชนมายุ ๓๕ ปี(พ.ศ.๒๓๑๔) 

        เมื่อครั้งศึกอะแซหวุ่นกี้ พระเจ้าตากสินมหาราชโปรดพระราชทานยศให้เป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิลึกมหึมาทุกนคราระอาเดช  นเรศวรราชสุริยวงศ์ องค์วัตรบาทมุสิกากรบวรรัตนนายก  เมื่อ เดือน๖  ปีระกา  จ.ศ.๑๑๓๙  พระชนมายุ ๔๑ ปี (พ.ศ.๒๓๒๐)  
        เสด็จปราดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๓๒๕  พระชนมายุ ๔๖ ปี ครองราชย์สมบัติอยู่ ๒๗ ปี 
        
       เมื่อเป็นพระมหากษัตริย์  ทรงทำสงครามป้องกันรักษาอิสรภาพกับพม่าอีกถึง ๘ ครั้ง  ขับไล่พม่าออกไปจากแผ่นดินสยาม  และตามเข้าไปตีพม่าถึงเมืองพม่าถึง ๒ ครั้ง จนพม่าเข็ดขามไม่มารบกวนอีกเลย   สงครามครั้งสำคัญ คือสงคราม ๙ ทัพ  ซึ่งพระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่า ทรงยกทัพเข้ามาตีทยตั้งแต่เหนือจดใต้รวม ๙ ทัพ   กองทัพไทยก็ตีกองทัพพม่าแตกพ่ายไปทุกทัพ 

        พระพุทธยอดฟ้ามหาราชทรงรวบรวมบ้านเมืองไทยเป็นปึกแผ่นกว้างขวางยิ่งกว่าครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี   ได้แผ่ขยายอาณาเขตมีประเทศราชมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารมากมาย  ทำให้ราชอาณาจักรไทยมีดินแดนกว้างใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เป็นประเทศมา  ทิศเหนือเมื่อเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว ได้เมืองเชียงใหม่, ทิศตะวันออกเฉียงใต้ได้เมืองหลวงพระบาง,เวียงจันทร์, ลานช้าง, ทิศตะวันออกได้เมืองพระตะบอง เสียมราฐ  นครจำปาศักดิ์ ศรีโสภณ, ทิศใต้ได้เมืองปะริด  กะลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี, ทิศตะวันตกได้เมืองทะวาย ตะนาวศรี  บ้านเมืองไทยสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกกว้างใหญ่ไพศาล  ประเทศเพื่อนบ้าน ลาว ญวน เขมร พม่า มลายู  เกรงกลัวทั่วไป 

(โปรดติดตามตอนต่อไป) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น